หน้าเว็บ

Popular Posts

Thursday, November 1, 2012

Top 10 Best Superbike 2012


  เปิดฉากศักราชใหม่ของปี 2012 รถจักรยานยนค์ใหม่ๆ ก็เริ่มคลอดออกมามากมาย โดยเฉพาะในแวดวงรถซูเปอร์ไบค์ ถือได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีไปอีกมิติหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้น “ไซเคิลโรด” ขอเอาใจแฟนๆ บิ๊กไบค์ ด้วยการค้นหา 10 สุดยอดรถซูเปอร์ไบค์ที่ถือได้ว่ามีเทคโนโลยี่สุดยอด พร้อมกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม รวมถึงยังเป็นรถในฝันของชาวซูเปอร์ไบค์พันธุ์แท้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นรุ่นไหนบ้างนั้น....มาติดตามกันเลยดีกว่า....
2012 Ducati 1199 Panigale
     ซูเปอร์ไบค์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และถือได้ว่าเป็นสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดที่ค่าย Ducati บรรจุลงไปในรถโมเดลนี้ เพื่อหวังสร้างอิมเมจและโชว์ศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในปัจจุบัน Ducati 1199 เป็รโมเดลที่ต่อยอด (บางส่วน) มาจากรุ่น 1198 ที่เคยได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตแห่งยุค”
     Ducati 1199 Panigale S ใช้เครื่องยนต์ Superquadro แบบ L-Twin 90 องศา 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 112 x 60.8 มม. ให้พละกำลังสูงสุด  195 แรงม้า (143 Kw) ที่ 10,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98.1 lb-ft. (132 Nm) ที่ 9,000 รอบ/นาที  โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ระบบกันสะเทือน ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของ Ohlins NIX30, TTX36 ที่ควบคุมด้วบระบบไฟฟ้า รวมถึงโครงสร้าง Monocoque aluminum ที่ออกแบบและเลือกสรรวัสดุระดับเทพ และสวิงอาร์มใหม่ (Single-sided swingarm) โดยมีการขยายให้ยาวกว่าโมเดล 1198 ถึง 39 มม. พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีที่ระดับไฮเอ็นท์มาเสริมแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นระบบ DTC, DQS, EBC, DES และระบบเบรก ABS รวมถึงโหมดการขับขี่ควบคุมด้วยอิเล็คทรอนิค Rtde-y-Wire (RbW) จึงทำให้ Ducati 1199 Panigale S เป็นสุดยอดแห่งรถซ๔เปอร์สปอร์ต....
2012 Aprilia RSV4 R APRC
     เผยโฉมออกมาอย่างรวดเร็วสำหรับเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ Aprilia RSV4 หลังจากที่เวอร์ชั่น “R” ออกมาได้ไม่นาน ซึ่งยังคงใช้พื้นฐานเดิมของ  RSV4 Factory ซูเปอร์ไบค์ตัวแรงแห่งเซอร์กิต และตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์ไบค์ 2010 โดยเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด RSV4R APRC มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมเล็กน้อย แต่มาเน้นที่สมรรถนะการขับขี่ที่ว่ากันว่า “ดีที่สุดในโลก   
     สำหรับเวอร์ชั่น APRC ที่ย่อมาจาก Aprilia Performance Ride Control เป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพในการขับขี่  เป็นระบบการควบคุมการขับขี่ด้วยระบบอิเล็คทรอนิคแม็กนีติก  ที่สามารถแปรผันและปรับเปลี่ยนได้ถึง 8 ระดับ เพื่อความเสถียรภาพและปลอดภัยสูงสุด  ซึ่งสามารถเลือกโหมดการขับขี่หลักได้ถึง 3 แบบ คือ T (Track), S (Sport), R (Road) เสริมด้วยเทคโนโลยี Full Ride-by-Wire จึงทำให้การขับขี่มีความง่ายยิ่งขึ้น  ส่วนเครื่องยนต์ก็ถือว่าสุดยอด เพราะเป็นบล็อคเดียวกับ RVS4R Factoty WSB เป็นเครื่องยนต์ 65° V4 cylinder แผ่นวาล์วใช้วัสดุ Titanium และ Nymonic จ่ายเชื้อเพลิงแบบ 8 อินเจ็คชั่น  (/2 อินเจ็คชั่นต่อสูบ) ปริมาตรกระบอกสูบ 999.6 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 180 Hp ที่ 12,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 115 Nm ที่ 10,000 รอบ/นาที นับได้ว่า...เป็นสุดยอดแห่งรถซูเปอร์ไบค์อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง
2012 Yamaha YZF-R1
     เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่โลดแล่นบนเซอร์กิตโลก โดยเฉพาะในราบการ World Superbike และเคยครองบัลลังก์แชมป์โลกมาแล้ว จากฝีมือของ Ben Spise แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะได้เพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์โลก แต่ก็เป็นทำให้คู่แข่งต้องหวั่นไหวไปตามๆ กัน
     สำหรับเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ Yamaha YZF-R1 นอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสนามแข่ง WSB แล้ว ยังนำทเคโนโลยีใหม่ล่าสุดในสนามแข่ง Moto GP ของรุ่น M1 ที่ติดตั้งในรถแข่งตัวใหม่ล่าสุดเลยทีเดียว  โดยเครื่องยนต์เป็นแบบ Ultra-lightweight DOHC 16 วาล์ว วางเอียง 40 องศา ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี.  แผ่นวาล์วแบบไททาเนียมขนาด 31 มม. และมีการปรับปรุงกล่อง ECU ใหม่ ที่ว่ากันว่า “สั่งงานได้รวดเร็วและแม่นยำ” ด้วยระบบไมโครคอมพิวเตอร์ 32 บิท พร้อมด้วยเทคโนโลยีระดับไฮเอ็นท์ที่เป็นตัวช่วยอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ YCC-I (Yamaha's Chip Controlled Intake), YCC-T (Yamaha Chip Control Throttle) สมรรถนะโดยรวมถือได้สุดยอดจนแทบจะหาคู่แข่งจับตัวได้ยาก  ดังนั้น เมื่อความแรงจัดจ้านที่เพิ่มขึ้นจึงมีการปรับปรุง Ram Air และท่อไอเสียใหม่หมด โดยใช้แบบเดียวกับ M1 จึงทำให้กลายเป็น...สุดยอดซูเปอร์ไบค์ที่ทุกคนต่างรอดูผลงาน
2012 BMW S1000RR

     หลังจากที่เปิดตัวไปครั้งแรกเมื่อปี 2009 สำหรับ S1000RR ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในยุโรปและอเมริกา แม้ว่าจะยังไม่ประสบความสำเร็จในสนามแข่งก็ตาม แต่ด้วยดีกรีของ BMW Motorrad ก็เรียกศรัทธาและการนอมรับมากกว่าปกติ และเมื่อเราเจาะลึกเข้าไปถึงเทคโนโลยีและสมรรถนะแล้ว ก็ต้องบอกว่า S1000RR คือจ้าวแห่งซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง
     สำหรับโมเดลใหม่ล่าสุด ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC (4 วาล์วต่อสูบ) ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี. มีน้ำหนักเพียงแค่ 59.8     กก. แต่ให้กำลังที่ออกมาถึง 193 แรงม้า (142 Kw) ที่ 13,000 รอบ/นาที แรงบิดที่ 112 Nm ที่ 9,750 รอบ/นาที นอกจากนั้นเพื่อความสะดวกยังมีการเพิ่มโหมดการขับขี่ ไม่ว่าจะขับขี่ในสไตล์ Sport, Rain, Race และ Slick นอกเหนือจากนั้นยังมีระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และระบบเบรก ABS ที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เหนือกว่าที่ประจำการในรถ BMW เกือบทุกรุ่น  ส่วนโครงสร้างใช้อลูมิเนียมในแบบ Bridge frame โช้คอพัหน้าแบบหัวกลับขนาด 46 มม. ผสานกับ Two arm swinging fork ทำให้การทรงตัวยอดเยี่ยม และกฌถือได้ว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่ง...
2012 KTM 1190 RC8R

     นับได้ว่าเป็นรถซุเปอร์สปอร์ตที่น่าจับตามมองอย่างยิ่ง ด้วยความแตกต่าง และรูปโฉมที่ออกไปในแนวสปอร์ตเต็มทุกอณู รวมถึงสีสรรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ KTM และแน่นอนว่า... KTM 1190 RC8R เวอร์ชั่น 2012 ย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
     KTM 1190 RC8R ยังคงเลือกใช้เครื่องยนต์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง เป็นการพัฒนาของ LC8 V-Twin คือเป็นเครื่องยนต์  V 75° 4 จังหวะ 2 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 1,195 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 105 x 69 มม. ให้พลักำลังสูงสุด 175 แรงม้า (129 kW) ที่ 10,250 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 127 Nm ที่ 8,000 รอบ/นาที อันตราส่วนกำลังอัด     13.5 : 1  ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิดแบบหัวฉีด Keihin EFI ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ  Monoshoch ด้านหลังเป็นแบบ Monobloc (2 x Brembo four piston)  ความจุถังน้ำมัน 16.5 ลิตร และมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 182 กก. จึงทำให้ความเร็วสูงจนได้รับฉายาว่าเป็น Hypersport
2012 Honda CBR1000RR
     แทบไม่น่าเชื่อว่า CBR1000RR จะเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตที่อยู่ในไลน์การผลิตมายาวนานถึง 20 ปี ซึ่งแน่นอนว่าตลอดระยะเวลา 20 ปี รถรุ่นนี้จะสามารถยึดครองตลาดได้แบบเข้าเป้าเสมอมา นั่นกฌคงเป็นเพราะสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุดของปี 2012
     Honda CBR1000RR C-ABS โมเดลใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวที่สมบูรณืแบบที่สุดของ ความแรง สมรรถนะ ความปลอดภัย และรูปลักษณ์มากที่สุด โดยเครื่องยนต์ยังคงใช้ตัวเดิมแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76 x 55.1 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 12.3 : 1 โครงสร้างใช้อลูมิเนียมทั้งหมดแบบ  twin-spar chassis  สำหรับในจุดที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ก็คือ โช้คอัพทั้งหน้าและหลัง โดยด้านหน้าเป็นแบบ Uni Pro-Link ส่วนด้านหลังเพิ่มขนาดกระบอกโช้คให้ใหญ่ขึ้น, ล้อเป็นแบบอลูมิเนียม 21 ก้าน, ปีดโดมิเตอร์เป็นจอ LCD มัลติฟังค์ชั่น พร้อมทั้งเพิ่มระบบเบรก ABS ซึ่งแน่นอนว่า...ด้วยการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โยเฉพาะเวอร์ชั่น 2012 น่าจะเป็นเวอร์ชั่น “ฉลอง 20 ปี” ที่ตลาดจะไปได้ดีกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน...
2012 Suzuki GSX-R1000
     โมเดล GSX-R น่าจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานของรถซูเปอร์สปอร์ตที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความแรงที่มาใครมาทาบรัศมี โดยเฉพาะหากเทียบกับแบบ ซีซี. ต่อ ซีซี. แล้ว GSX-R เกือบทุกโมเดล “กินขาด” และสำหรับโมเดลใหม่สุดในระดับพรีเมี่ยม 2012 Suzuki GSX-R1000 ก็ถือได้ว่า...เยี่ยมยุทธ์มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายขุมกำลัง เนื่องจากทีมงาน R&D Suzuki ทุ่มเมพัฒนา และนำเอาข้อดีที่ผ่านการทดสอบมาแล้วของ GSV-R ทั้งจากสนามแข่ง Moto GP, Superbike, Supersport และ Endurance มาบรรจงใส่แบบเต็มรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็นท่อสูตรไททาเนียมระบบ SET 4-2-1  โครงสร้างใหมา, ระบบกันสะเทือนหน้า-หลังใหม่, รวมถึงการใส่ระบบช่วยต่างๆ ส่งผลให้น้ำหนักลกงกว่าเดิมถึง 11% พร้อมๆ กับพละกำลังและความแ รงที่เพิ่มขึ้นทั้งในรอบต่ำและรอบสูง
     โดยเครื่องยนต์ โมเดลนี้เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ DOHC 4 สูบ มีการปรับกล่องสมองกล ECU ใหม่หมด รวมถึงมีการเพิ่มระบบต่างๆ โดยเฉพาะโช้คอัพแบบ BPF จาก Showa เพิ่มการควบคุมระบบไฟฟ้าแบบ ECM และระบบ Ram-Air แบบ SDTV รวมไปถึงระบบการขับขี่ S-DMS ซึ่งทั้งหมดมีส่วนช่วยให้สมรรถนะของเจ้า GSX-R1000 ยังคงรักษาความเป็น...สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตได้อย่างแน่นอน...
2012 MV Agusta F4R
     โมเดลศักดิ์ศรีสำหรับรถซูเปอร์สปอร์สายพันธุ์แรงจากอิตาลี ซึ่งไม่ว่าจะออกมากี่เวอร์ชั่น ก็ต้องพกพามากับคำว่า “แรงที่สุด” นั่นก็คือค่าย MV Agusta ซึ่งรถแต่งละรุ่นแม้ว่าจะออกมาค่อนข้างน้อย แต่เมื่อเปิดตัวมาก็เรียกเสียงความฮือฮาทุกครั้งไป โยเฉพาะกับโมเดลล่าสุด 2012 MV Agusta F4R ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาวุธ
     หัวใจสำคัญของ MV Agusta F4R ก็คือเครื่องยนต์ที่ว่ากันว่า “ยอดเยี่ยม” เป็นเครื่องยนต์  Corsa Corta 4 สูบ 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) DOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 79.0 x 50.9 มม. ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด Double fuel injectors พร้อมด้วยระบบ TSS (Torque Shift System) ส่งผลให้มีกำลังมากที่สุดในบรรดาซูเปอร์ไบค์ในพิกัดเดียวกัน คือให้แรงม้าสูงสุดถึง 195.2 hp ที่ 13,000 รอบ/นาที และแรงบิด 112 Nm ที่ 9,100 รอบ/นาที แต่หากยังไม่สะใจก็สามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น RR ที่เพิ่มแรงม้าเป็น 201 ph เรียกได้ว่า “แรงจนเอาไม่อยู่” สำหรับจุดเด่นอื่นๆ ก็ยังคงเต็มสมรรถนะเหมือนเดิม เริ่มตั้งแต่โครงสร้างที่เพรียวลู่ลม ด้วยเฟรมรถที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ตัวถังอลูมิเนียมมวลเบา โช้คอัพที่ออกแบบเป็นพิเศษจาก Marzocchi  ส่วนน้ำหนักตัวรถค่อนข้างเบาเพียงแค่  192 กก. ดังนั้น ความเร็วที่พุ่งทะยานออกมาจึงมากกว่า 297 กม./ชม. ซึ่งถือว่า....แรง เร็ว ไร้เทียมทาน...
2012 Triumph Daytona 675
     จากรถซูเปอร์ไบค์ขนาด 1 ลิตร ก็มาถึงซูเปอร์ไบค์ขนาดมิดเดิ้ลเวท 600 ซีซี. กันบ้าง  และแม้ว่าจะเป็นพิกัดขนาดเล็ก แต่สำหรับ Triumph Daytona 675 กลับได้รับฉายาว่า “King of Supersports” เนื่องจากสมรรถนะและรูปโฉมที่เป็นซูเปอร์สปอร์ตอย่าแท้จริง จึงเป็นที่หมายปองของชาวซูเปอร์ไบค์มากเป็นพิเศษ
     แม้ว่า Triumph Daytona 675 จะออกสู่ตลาดมาแล้ว 4 ปี แต่ก็มีการพัฒนาต่อยอดเป็นระยะ โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น 2012 ถือได้ว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่เลยทีเดียว  มีการออกแบบสำหรับ Supersport World Championship เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ขนาดเบา แต่สมรรถนะเทียบขั้นรุ่นใหญ่ โดยเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายไทรอัมฟ์  12 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ  ปริมาตรกระบอกสูบ 675 ซีซี. ให้กำลังสูงถึง 125 PS ที่ 12,600 รอบ/นาที และแรงบิดอยู่ที่ 72 Nm โครงสร้างพัฒนาใหม่แบบ Aluminium beam twin spar ระบบกันสะเทือนหลังปรับมาใช้ Kayaba monoshock เรื่องยางก็มีการปรับเปลี่ยนมาใช้ยางที่ได้รับการพัฒนาใหม่จาก Pirelli เป็นรุ่น Super Corsa SP tyres สามารถรองรับความเร็วสูงโดยเฉพาะ  น้ำหนักโดยรวมของ Daytona 675 เบาเพียงแค่ /162 กก. ดังนั้น จึงสามารถรีดความเร็วได้ค่อนข้างสูงชนิดจมไมล์เลยทีเดียว...
2012 Kawasaki Ninja ZX-6R
     เมื่อพูดถึงรถในคลาส 600 ซีซี. ก็คงต้องกล่าวถึง สุดยอดสุดเปอร์สปอร์ตในคลาสนี้ ที่ถือได้ว่าเคยครองตลาด และความนิยมมากที่สุดในโลก นั่นก็คือ รถในตระกูล ZX-6R ซึ่งโด่งดังมาตั้งแต่ปี 1985 กับโมเดล ZX600-A1  แต่สำหรับโมเดลใหม่สุดที่ถือได้ว่าเป็น Performance Edition ยิ่งทวีความสุดยอดขึ้นไปจากเดิมแบบ ”ทะลุมิติ”
     Ninja ZX-6R ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 599 ซีซี. ขนิดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 67.0 x 42.5 มม. ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด EFI (Keihin ø38 mm x 4) มีการพัฒนาชุดลูกสูบและระบบจ่ายน้ำมันใหม่  ให้ความแรงที่เร้าใจสุดๆ ถึง 134PS (with RAM Air) หรือ 98.5 kW ที่ 14,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดถึง 66.7 Nm อัตราว่วนกำลังอัด 13.3 : 1 ส่วนในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ก็ค่อนข้างโดดเด่น เพราะโมเดลนี้จะเน้นทั้งในรูปแบบ Race & Track รวมถึงในแบบ Streed ให้การควบคุมที่ง่าย การทรงตัวมั่นคงในระบบออโร่ไดนามิคที่เป็นเอกลักษณ์ของรถในตระกูล ZX พร้อมทั้งปรับตำแหน่งเบาะในต่ำลง ส่วนระบบกันสะเทือนมีการปรับปรุงใหม่ ใช้แบบ BPF (Big Piston Front fork) จาก Showa ซึ่งด้านหน้าใช้ขนาด 41 มม. โดยด้านหลังเสริมด้วยโช้คแก๊ส Bottom-Link Uni-Trak เชื่อขนมกินได้เลยว่า....เจ้านิจจา ZX-6R จะยังคงครองตลาดรถในคลาสนี้ไปอีกนานพอสมควร....

No comments:

Post a Comment